ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการตามอายุครรภ์หรือไม่
พัฒนาการของการตั้งครรภ์จะแบ่งเป็น 3 ไตรมาส
ไตรมาสที่ 1 (เดือน ที่ 1 - 3) : หลังจากมีการปฏิสนธิระหว่างอสุจิกับไข่แล้ว ตัวอ่อนจะเคลื่อนเข้าไปฝังในโพรงมดลูก และเมื่อมีการยึดติดกันอย่างมั่นคงก็จะเป็นการปฏิสนธิที่สมบูรณ์ และเกิดเป็นตัวอ่อนในการตั้งครรภ์ขึ้น อายุครรภ์เดือนแรกจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ในเดือนที่ 2 จะเริ่มมองเห็นเป็นตัวทารก และเริ่มมีการพัฒนาในส่วนของใบหน้า มือและเท้า เวลาคุณแม่ไปตรวจอัลตราซาวนด์ก็จะเห็นหัวใจเต้น เห็นสายรกและรก ซึ่งทำหน้าที่นำเลือด ออกซิเจน และลำเลียงสารอาหารมาให้ลูก เดือนที่ 3 ลูกจะมีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ระบบของร่างกายเริ่มทำงานสัมพันธ์กับระบบสมอง มีการเคลื่อนไหว นิ้วมือและนิ้วเท้าเริ่มสมบูรณ์และงอได้แล้ว ช่วงนี้ทารกจะกลืนน้ำคร่ำและลอยตัวอยู่ในน้ำคร่ำ ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องลูกจากการกระทบกระเทือนต่างๆ
ไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4 - 6) : ทารกเริ่มมีการเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น ทารกน้อยจะเริ่มมีขนอ่อนปกคลุมร่างกาย มีจำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อมากขึ้น อวัยวะเพศเริ่มพัฒนา และสามารถระบุเพศได้ เมื่อถึงเดือนที่ 5 คุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นชัดเจน มีการสร้างฟัน เส้นผม คิ้ว ขนตา และเริ่มมีการสร้างสารสีขาวเคลือบเส้นผมและขนของทารก ช่วงนี้ทารกจะเริ่มพัฒนาการรับรส รับกลิ่นและการได้ยิน ดังนั้น แม่ตั้งครรภ์และคุณพ่อสามารถเปิดเพลงให้ลูกฟัง พูดคุย หรืออ่านหนังสือนิทาน จะช่วยฝึกให้ลูกจำเสียงได้ เมื่อถึงเดือนที่ 6 ปอด ระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน จะเริ่มพัฒนามากขึ้น
ไตรมาสที่ 3 (เดือนที่ 7 ไปจนกระทั่งคลอด) : ในเดือนที่ 7 ทารกจะมีไขมาปกคลุมผิวหนัง เพื่อสร้างความอบอุ่น ต่อมรับรสและการมองเห็นเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น จะเริ่มมองเห็นแสงจากภายนอกได้แล้ว เดือนที่ 8 ทารกเริ่มกลับหัวเข้าสู่อุ้งเชิงกราน ช่วงนี้คุณแม่จะเริ่มมีอาการเจ็บท้องหลอก โดยจะรู้สึกเจ็บแบบไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการบีบตัวของมดลูก เดือนที่ 9 เริ่มมีเล็บยาวจนคลุมปลายนิ้ว มีผมยาวประมาณ 1-2 นิ้ว และศีรษะของลูกจะเลื่อนลงสู่อุ้งเชิงกราน เตรียมพร้อมออกมาสู่โลกภายนอก
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเช็คว่าลูกน้อยในท้องมีพัฒนาการตามอายุครรภ์หรือไม่ โดยสังเกตอาการต่างๆ ดังนี้
- ฮอร์โมนแห่งการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ 3 - 4 เดือนแรก เมื่อลูกในท้องมีพัฒนาการมากขึ้น จะมีการสร้างฮอร์โมนแห่งการตั้งครรภ์ ทำให้แม่ท้องจะมีอาการเช่น เจ็บเต้านม ปัสสาวะบ่อย อารมณ์เปลี่ยนแปลง หงุดหงิดมากขึ้น และแพ้ท้อง
- นับจังหวะลูกดิ้น คุณแม่ท้องแรกจะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นตอน18 สัปดาห์ ถ้าเป็นท้องหลังจะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นตอน 16 สัปดาห์ แต่แม่ท้องจะรู้สึกว่าลูกดิ้นจนนับจังหวะได้ชัดเจนตอนอายุครรภ์ได้ 20 สัปดาห์หรือไตรมาสที่ 2 ไปแล้ว เทคนิคในการนับง่าย ๆ คือใน 12 ชั่วโมง ลูกควรจะดิ้นเกิน 10 ครั้ง เช่น 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ถ้าลูกดิ้นเกิน 10 ครั้ง ก็แสดงว่าปกติ ถ้าวันไหนที่รอดูมาทั้งวันแล้วรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยดิ้นเลย อาจเป็นเพราะลูกกำลังหลับอยู่
- น้ำหนักบอกพัฒนาการ น้ำหนักของคุณแม่จะเป็นสิ่งที่บอกว่าลูกได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพียงพอ หรือไม่ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ประมาณ 12 - 15 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
- ดูจากยอดมดลูก เมื่อมีการตั้งครรภ์มดลูกจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถดูพัฒนาการของลูกน้อยได้จากการขยายตัวของมดลูก โดยเมื่อตั้งครรภ์ในช่วง 12 สัปดาห์แรก ยอดมดลูกจะอยู่เหนือกระดูกหัวเหน่า โดยแบ่งส่วนที่ต่ำกว่าสะดือเป็น 3 ส่วน เมื่อตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะอยู่เหนือกระดูกหัวเหน่าประมาณ 1 ใน 3 และจะเริ่มสูงประมาณ 2 ใน 3 เหนือกระดูกหัวเหน่า เมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ และจะอยู่ตรงสะดือพอดีเมื่ออายุครรภ์ 24 สัปดาห์ พออายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ยอดมดลูกจะสูงประมาณ 1 ใน 4 เหนือสะดือ จากนั้นจะสูง 2 ใน 4 เมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์ สูงประมาณ 3 ใน 4 เมื่ออายุครรภ์ 36 สัปดาห์ และจะอยู่สูงสุดคือ 4 ใน 4 หลังจาก 37 สัปดาห์