






















เริม คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อเริมที่ทำให้ลูกน้อยมีความเสี่ยงเสียชีวิตนั้น หลักๆมาจากเชื้อที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ และติดเชื้อที่จุดซ่อนเร้น แล้วเชื้อนี้แพร่กระจายไปสู่ลูกน้อย ในกรณีที่คุณแม่ติดเชื้อเริมนี้อยู่ก่อนแล้ว
โดยทารกติดเชื้อนี้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ผ่านทางเยื่อหุ้มทารก โดยเฉพาะภายในเวลา 4 - 6 ชั่วโมง หลังคุณแม่น้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตก รวมทั้งช่วงเวลาขณะคลอด ที่ทารกติดเชื้อได้ผ่านทางช่องคลอด หรือจุดซ่อนเร้นของคุณแม่ ซึ่งอาจมีแผลเริมหรือตุ่มน้ำใสอยู่ จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเมื่อคุณแม่คลอดเอง เพราะโอกาสที่ทารกน้อยจะติดเชื้อเริมได้สูงมาก และยังสามารถติดได้จากการผ่านการสัมผัสจากบุคคลที่มีเชื้อเริมอยู่
เมื่อลูกน้อยได้รับเชื้อเริม ร่างกายจะแสดงอาการต่างๆ ดังนี้
- ช่วง 5 - 11 วันหลังคลอด : บริเวณผิวหนังตามร่างกาย ตา ปาก ของทารกจะเกิดตุ่มน้ำใส จะเห็นได้ชัดเจน จอประสาทตาอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และอวัยวะสำคัญอื่นๆ ทำงานผิดปกติ เช่น สมอง ตับ ปอด หัวใจ และต่อมไร้ท่อ
- ช่วง 8 - 17 วันหลังคลอด : ทารกชัก สมองมีขนาดเล็ก มีโพรงน้ำในสมอง เพราะเกิดความผิดปกติที่ระบบประสาท แต่จะไม่มีไข้ ทารกจะซึมลง งอแง ร้องกวน ไม่ค่อยดูดนม ความตึงของกล้ามเนื้อไม่ดี ร่างกายอ่อนปวกเปียก อาเจียน หายใจผิดปกติ ปากเขียว ตัวเหลือง ผิวมีผื่นสีม่วง และอาจหยุดหายใจได้
การป้องกันลูกน้อยจากการติดเชื้อ เริม
- เริ่มตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ควรฝากครรภ์และไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ หมั่นสังเกตตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณจุดซ่อนเร้นของคุณแม่ว่าพบตุ่มน้ำใสหรือไม่ หรือเกิดแผลบริเวณริมฝีปากหรือไม่ หากพบควรแจ้งแพทย์เพื่อตรวจรักษา และวางแผนในการคลอดต่อไป
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสทารกแรกเกิด ด้วยการหอมแก้ม จูบร่างกาย เมื่อพบว่าตัวเองมีแผลเริมบริเวณที่ปาก หรือมีตุ่มน้ำใส จากอาการอื่นๆ
- ควรใช้ช้อนกลางตักอาหาร งดหลอดดูด หรือดื่มน้ำแก้วเดียวกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อลดอัตราการติดเชื้อเริม