ขอเพียงวันละไม่กี่นาที อ่านนิทานให้ลูกน้อยในครรภ์ได้ฟังอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นอกจากจะเป็นการส่งผลดีต่อพัฒนาการและสติปัญญาแล้ว ยังเป็นการที่ลูกจะได้คุ้นเคยกับเสียงของพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนหลังคลอด คุณพ่อคุณแม่ก็ยังสามารถอ่านนิทานเรื่องเดิมให้ลูกฟังได้ และจะพบว่าทารกจะตั้งใจฟังนิทานจากเรื่องที่เคยได้ยินแม่เล่าในท้องมาแล้ว
แม่ไก่ตัวหนึ่ง มีลูก 2 ตัว ชื่อ เจี๊ยบ และ จิ๊บ แม่ไก่มักบอกลูกทั้งสองเสมอว่า “ลูกเอ๋ย อย่าออกไปไกลจากแม่นัก เพราะจะถูกเหยี่ยวโฉบเอาไปกินนะ” ลูกไก่ทั้งสองก็รับฟัง วันหนึ่ง ลูกไก่ทั้งสองลืมคำสอนของแม่ พอแม่ไก่นอนหลับ เจี๊ยบกับจิ๊บก็แอบหนีไปเที่ยวไกล ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ ก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่ง บินโฉบเอาเจี๊ยบไป ทำให้ลูกไก่ตกใจ จิ๊บวิ่งไปบอกแม่ แม่ไก่เสียใจมาก และพูดว่า “ลูกนี่แหละ เพราะเจ้าไม่เชื่อแม่”
ช้างตัวหนึ่งมีนิสัยเกเร มันเดินไปพบรังมดแดง ซึ่งหลุดจากกิ่งไม้ ตกขวางทางอยู่ จึงต้องตวาดว่า …“เฮ้ย ทำไมพวกเจ้าทำรังขวางทางเราอยู่ เห็นข้ามา ทำไมไม่หลบไปเสีย ตัวเจ้าโตเท่าใด? ถ้าข้าจับฟาดเสียทั้งรัง เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้” มดได้ฟังก็โกรธ และคิดว่า ถึงแม้ว่าเราตัวเล็กก็ไม่ควรมาหมิ่นประมาท จึงร้องตอบว่า …“ท่านครับ พวกเราไม่คิดจะขวางทางเลย แต่รังมันขาดตกลงมา พวกเราก็จะแบกหามไปก็ไม่ทัน ถ้าท่านจะกรุณาเอางวง เกี่ยวรังขึ้นไปไว้บนต้นไม้ ก็จะขอบคุณมาก”
ช้างได้ฟังดังนั้น จึงเอาปลายงวงจับรังมดแดงขึ้น ฝ่ายมดแดงก็กรูกันเข้าในรูงวง และกัด ช้างได้รับความเจ็บปวดมาก ช้างจะฟาดฟันอย่างไร ๆ ก็ไม่หลุด ช้างจึงถามว่า …”มดเอ๋ย เจ้ามากัดข้าทำไม” มดจึงร้องตอบว่า “ที่พวกเรากัดท่าน เพราะท่านชอบดูหมิ่นและรังแกผู้อื่น ถ้าท่านยังมีนิสัยอย่างนี้ พวกเราก็ไม่ถอย” ช้างหมดปัญญา จึงยอมและต่อนั้นมา มันก็ไม่รังแกใครอีกเลย …
3. กระต่ายตื่นตูม
กาลครั้งหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ขณะที่นอนหลับอยู่นั้น เกิดพายุใหญ่ ทำให้ลูกตาลหล่นลงที่พื้นดิน เกือบถูกกระต่าย กระต่ายตกใจตื่นขึ้น คิดว่าฟ้าถล่ม ลุกขึ้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว สัตว์อื่น ๆ เห็นกระต่ายวิ่งมา จึงถามกระต่ายว่า “ท่านวิ่งหนีอะไรมา” กระต่ายบอกว่า “ฟ้าถล่ม” สัตว์เหล่านั้นได้ฟัง ก็วิ่งตามกระต่ายไป
จนพบราชสีห์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์เจ้าปัญญาเห็นสัตว์วิ่งมาดังนั้น จึงถามว่า…พวกท่านวิ่งหนีอะไรมา สัตว์เหล่านั้นบอกว่า “ฟ้าถล่ม” ราชสีห์จึงบอกให้สัตว์เหล่านั้น พาไปดู เมื่อได้ดูที่ต้นตาล ก็เห็นลูกตาลหล่นอยู่ที่โคนต้น ราชสีห์จึงว่า “คนที่โง่เขลา ไม่คิดอะไรให้รอบคอบจึงได้รับผลตอบแทน เช่นนี้แหละ…”
4. ลูกหมีผจญภัย
กาลครั้งหนึ่ง มีลูกหมีแสนซน วันหนึ่งลูกหมีหนีแม่ออกไปเที่ยวนอกถ้ำ ลูกหมีเดินไปเรื่อย ๆ บ้างก็ชมนกชมไม้ในป่า
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ลูกหมีเหลือบไปเห็นรังผึ้งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ลูกหมีดีใจมากที่วันนี้จะได้กินน้ำผึ้งหวานจับใจ มันจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ทันที พอไปถึงรังผึ้ง ก็ใช้มือดึงรวงผึ้งมา หมายจะดูดกินน้ำหวาน ฝ่ายผึ้งเจ้าของรังเห็นศัตรูมาบุกรุก ทำลายบ้านของตนเอง ก็พาหันบินเข้าโจมตีกันเป็นพัลวัน ลูกหมีไม่ทันรู้ตัว ก็โดนทหารผึ้งต่อย จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น จนพลัดตกลงจากกิ่งไม้ ได้รับความเจ็บปวด ร้องโอดโอย วิ่งไปหาแม่
แม่หมีพอเห็นลูกหมีก็รู้ถึงเหตุการณ์โดยตลอด เพราะจมูกของลูกหมีโดนผึ้งต่อย เสียจนบวมปูด เป็นลูกโป่ง แม่หมีจึงสอนลูกหมีว่า …คราวต่อไป ถ้าไปเจอรวงผึ้งให้ปีนขึ้นไปหาทำเลที่นั่งให้เหมาะ ใช้มือหนึ่งปัดตัวผึ้งที่จะมาต่อยออก และปิดจมูกไว้ ส่วนมือหนึ่งหยิบรวงผึ้งมาดูดกิน ตั้งแต่นั้นมา ลูกหมีก็ไม่โดนผึ้งต่อยอีกเลย และในเวลากลับ …ลูกหมียังเอารวงผึ้งหวานมาฝากแม่หมีอีกด้วย
5. ปลาน้อยผู้แสนดี
นานมาแล้วมีเจ้าปลาน้อยตัวหนึ่งว่ายน้ำอยู่ในทะเลมันมองเห็นคนหาปลานั่งมาในเรือ แล้วชายคนนั้นก็หย่อนเบ็ดลงในน้ำเจ้าปลาน้อยเมื่อเห็นดังนั้นมันจีงรีบว่ายน้ำหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโขดหิน ในขณะนั้นเองก็มีปลาอีกตัวหนึ่งว่ายน้ำผ่านหน้ามันตรงไปที่เบ็ดของชายคนนั้นทันที เจ้าปลาน้อยจึงรีบว่ายน้ำตามไปห้ามแล้วบอกปลาตัวนั้นว่า“อย่าเข้าไปกินนะมันอันตราย มันไม่ใช่อาหารหรอก”
แต่เจ้าปลานั้นมันไม่เชื่อคำพูดของเจ้าปลาน้อย มันพูดว่า“เจ้าอย่ามาหลอกเราเลย เจ้าจะมาแย่งอาหารของเราใช่ไหม” ว่าแล้วมันก็ว่ายน้ำชนเจ้าปลาน้อยกระเด็นไป แล้วมันก็ตรงไปกินเหยื่อนั้นทันที เจ้าปลานั้นจึงติดเบ็ดของคนหาปลา มันดิ้นรนไปมาแล้วร้องให้เจ้าปลาน้อยช่วย”ช่วยด้วยช่วยด้วยช่วยฉันด้วย เจ้าปลาน้อยพยายามช่วยเหลือเจ้าปลาตัวนั้นจนสุดความสามารถแต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ มันจึงว่ายน้ำจากไปด้วยความเสียใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูดเพื่อตนเองจะได้ไม่เดือดร้อน
6. เเม่ตุ่นกับลูกตุ่น
เเม่ตุ่นตัวหนึ่งเพิ่งคลอดลูกตุ่นตัวน้อยๆ น่ารัก เเต่ลูกตุ่นนั้นยังไม่ทันจะลืมตาได้ก็เริ่มโอ้อวดว่า “เเม่จ๊ะ เเม่จ๋า ลูกมองเห็นเเล้วล่ะ เห็นชัดเลยจ้ะ” เเม่ตุ่นประหลาดใจนักจึงทดสอบด้วยการเอากำยานก้อนหนึ่ง ก้อนหนึ่งมาวางต่อหน้าเเล้วถามว่า “เเล้วนี่ล่ะจ๊ะ ลูกมองเห็นไหม บอกเเม่ซิว่าคืออะไร” ลูกตุ่นมองไม่เห็นก็ตอบมั่ว ๆ ว่า “ก้อนหินไงล่ะจ๊ะเเม่” เเม่ตุ่นมองไม่เห็นพลางตำหนิลูกว่า “ลูกจ๋า ตาของลูกยังมองไม่เห็น จมูกก็ยังไม่ได้กลิ่นอีกด้วย”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การชอบโอ้อวดเกินจริง จะทำให้ผู้อื่นเห็นข้อบกพร่องในด้านอื่น ๆ ของเราเพิ่มขึ้น
7. เเม่ปูสอนลูก
เเม่ปูสอนลูก เเม่ปูพาลูกๆ ออกไปหากินที่ชายหาด เมื่อเห็นลูกๆ เดินคดเคี้ยวเซไปมาจึงกล่าวว่า “ทำไมลูกไม่เดินให้ตรงๆ ทางล่ะจ๊ะ” ลูกปูจึงตอบ “ถ้าเช่นนั้นเเม่ลองเดินตรงๆ ให้ลูกดูหน่อยซิจ๊ะ ลูกจะได้ทำตาม”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การพูดอย่างเดียว ไม่อาจสอนใครได้ดี เท่าการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง