เมื่อลูกน้อยติดขวดนม
เด็กติดขวดนม (Bottle Weaning) หมายถึง เด็กที่มีความผูกพันกับขวดนมมากเป็นพิเศษ โดยจะมีขวดนมติดมือไปไหนมาไหนด้วยเกือบตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะนอกจากขวดนมจะเป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญสำหรับเด็กแล้ว ขวดนมยังอาจหมายถึงความสบายใจและความปลอดภัยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การให้เด็กเลิกขวดนมก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้น
ทั้งนี้เพราะตั้งแต่ช่วงอายุ 6 เดือนเป็นต้นไป สารอาหารที่ได้จากนมผงหรือแม้กระทั่งนมแม่เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอต่อการตอบสนองพัฒนาการที่สำคัญของเด็ก เด็กจึงต้องรับประทานอาหารประเภทอื่นเป็นหลักควบคู่ไปกับการดื่มนม อีกทั้งหากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานจนเกินไป ความยากลำบากในการแทนที่ขวดนมของลูกด้วยถ้วยให้ประสบความสำเร็จนั้น ย่อมแปรผันสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
กุมารแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำว่า พ่อแม่ควรให้ลูกเลิกขวดนมได้ตั้งแต่ในช่วงอายุ 6 เดือน และให้เลิกได้อย่างเด็ดขาดภายในอายุ 2 ขวบ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดกับลูก ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้
- เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน เนื่องจากเด็กวัยหัดเดิน (toddler) มีแนวโน้มการถือขวดนมติดมือ จึงทำให้เด็กมีแนวโน้มในการบริโภคนมที่มากขึ้น ต่างจากเด็กทารกที่ดื่มนมในอ้อมแขนของแม่ และขวดนมได้รับการนำออกไปเมื่อเสร็จสิ้นช่วงเวลาการให้นม น้ำตาลในนมที่ค้างอยู่ในช่องปากเป็นเวลานานจะถูกย่อยด้วยจุลินทรีย์ในช่องปากและเกิดเป็นกรด ซึ่งสามารถทำลายแคลเซียมในฟัน (Decalcification) อันจะนำไปสู่ปัญหาฟันผุ (Dental caries) ในที่สุด
- เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก (Iron) เนื่องจากแคลเซียมที่เด็กได้รับจากนมผงจะไปยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก นอกจากนี้ การดื่มนมในปริมาณมากเนื่องจากนิสัยติดขวดนมของเด็กยังส่งผลให้เด็กรับประทานอาหารชนิดอื่นได้น้อย ในขณะที่ร่างกายของเด็กต้องการสารอาหารที่เพิ่มขึ้นในการเจริญเติบโต เพราะฉะนั้นเด็กจึงมักมีปัญหาไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากแหล่งอาหารอื่น
- ปัญหาโรคอ้วน (Obesity) เด็กที่ติดขวดนมมักได้รับปริมาณนมในระดับที่สูงกว่าปกติ โดยอาจสูงเกินวันละ 32 ออนซ์ ในขณะที่เด็กควรดื่มนมวันละ 2-3 หน่วยบริโภคหรือประมาณ 16-24 ออนซ์ต่อวันเท่านั้น อีกทั้งในนมยังอุดมไปด้วยสารอาหารในหมู่คาร์โบไฮเดรตและไขมัน จึงอาจทำให้เด็กที่มีปัญหาติดขวดนม ซึ่งมักดื่มนมบ่อยและปฏิเสธอาหารประเภทอื่น มีปัญหาน้ำหนักเกินและปัญหาโรคอ้วนได้
- เด็กมีบุคลิกภาพและลักษณะนิสัยที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเด็กจะให้ความสนใจกับขวดนมมากกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้เด็กมักถือขวดนมติดมือไปมา และนอนดูดนมอย่างเพลิดเพลินเมื่อรู้สึกอยาก ทำให้เด็กมีนิสัยกินจุบจิบ อีกทั้งยังมักชอบดูดนิ้วอีกด้วย
- เด็กมีพัฒนาการบางประการที่ล่าช้า ซึ่งไม่ได้เกิดจากความบกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา หรืออารมณ์ หากแต่เกิดจากการที่เด็กหมกมุ่นอยู่แต่กับขวดนม จนทำให้ขาดโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งสนใจสิ่งรอบข้าง เช่น ขาดทักษะในการทำกิจกรรมหรือการแก้ปัญหา ขาดทักษะในการเข้าสังคม รวมถึงมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็กไม่เต็มที่ เพราะเด็กมักถือแต่ขวดนม ซึ่งทำให้เด็กไม่ได้ฝึกกล้ามเนื้อหรือความสัมพันธ์ในการทำงานของอวัยวะต่างๆ เป็นต้น